7 วิธีธรรมชาติ ช่วยบำรุง คิ้วสวย ดกดำและหนาขึ้น

คิ้วสวย มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า คิ้วที่มีขนหนาดกดำ แข็งแรงสุขภาพดีมักเป็นคิ้วที่สมบูรณ์ ช่วยให้ใบหน้า และบุคลิกภาพของคุณดูดี และสวยงามมากยิ่งขึ้น หากว่าคุณอยากมีขนคิ้วสวยด้วยวิธีธรรมชาติ เรามีเคล็บลับดีๆ มาบอกต่อ พร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ

7 วิธีบำรุง คิ้วสวย ?

คิ้วสวย
คิ้วสวย

1. น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก อุดมไปด้วยวิตามิน A และวิตามิน E ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม และกระตุ้นการผลิตน้ำมันซึ่งเป็นน้ำมันตามธรรมชาติที่ดีร่างกาย 

วิธีใช้ : โดยการนำน้ำมันมะกอกเทลงปลายนิ้ว แล้วนำไปนวดบริเวณคิ้วเบาๆ ทิ้งไว้ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง



2. น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว ทำหน้าที่เสมือนเป็นครีมนวดและครีมบำรุงผิว เหมาะสำหรับการช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของโลหิต กรดไขมันที่พบในน้ำมันมะพร้าว จะทำงานร่วมกับโปรตีนธรรมชาติที่พบในเส้นผม เพื่อทำหน้าที่เป็นสารต้านจุลชีพ ป้องกันการติดเชื้อของรูขุมขน

โปรตีน วิตามิน และธาตุเหล็กที่พบในน้ำมันมะพร้าว ช่วยให้ขนคิ้วแข็งแรง และทำให้หนาขึ้น

วิธีใช้ : โดยการทาน้ำมันมะพร้าวลงบนคิ้วทุกวัน หรือ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน ควรทาก่อนนอนทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกตอนเช้า

3. ไข่แดง

ขนคิ้วประกอบไปด้วยโปรตีน เคราติน และไข่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม เคราตินเป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม ที่ช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโต ไข่แดงยังเป็นแหล่งของไบโอตินที่ช่วยให้ขนคิ้วเจริญเติบโตได้ดี

วิธีใช้ : นำไข่แดงที่แยกออกจากไข่ขาวแล้ว ตีจนเนื้อเนียน หลังจากนั้นนำมาแปรงบริเวณขนคิ้ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์

4. มะนาว

เนื่องจากมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี กรดโฟลิก และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ ที่ช่วยทำให้ขนคิ้วของคุณเจริญเติบโตได้เร็วกว่าสิ่งอื่น

วิธีใช้ : นำมะนาวมาถูกลงบนคิ้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น แต่มะนาวอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ หากผิวของคุณบอบบาง

5. นม

น้ำนมมีประโยชน์มากมาย และโปรตีนที่สำคัญสองชนิดที่เรียกว่า เคซีน และหางนม ทั้งสองนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และขนคิ้ว

วิธีใช้ : นำสำลีชุบนม แล้วนำมานวดคิ้วเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 6. น้ำหัวหอม

น้ำหัวหอมมีแร่ธาตุ วิตามินบี และวิตามินซีจำนวนมาก ที่ดีต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม และช่วยให้ขนคิ้วโตเร็วและหนาขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการผลิตเนื้อเยื่อคอลลาเจน ที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของขนคิ้วด้วย

วิธีใช้ : สับหัวหอม หรือนำมาปั่นให้ละเอียด แล้วนำน้ำหัวหอม มาทาลงบนคิ้ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 – 50 นาที แล้วเช็ดออกด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำมะนาว

7. น้ำมันละหุ่ง

นี่เป็นวิธีที่เก่าแก่และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการช่วยทำให้ขนคิ้วหนาขึ้น เป็นน้ำมันที่ดีเยี่ยมสำหรับใช้ในการปลูกผมตามธรรมชาติ เนื่องจากน้ำมันละหุ่งอุดมไปด้วยโปรตีน กรดไขมัน สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน จึงช่วยบำรุงรูขุมขน

วิธีใช้ : นำน้ำมันละหุ่งเพียงเล็กน้อยนวดบริเวณคิ้ว จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นเช็ดออกด้วยน้ำอุ่น สำหรับบางรายที่แพ้ อาจเกิดอาการระคายเคือง ลมพิษ หรือผื่นแดง โดยควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่แพ้ก่อนใช้

หลังจากที่คุณทราบข้อมูลนี้จากเรา คุณคิดว่า วิธีไหนที่อาจช่วยให้คุณมีขนคิ้วที่แข็งแรง และหนาขึ้นได้เร็ว ?

7 เคล็ดลับ ดูแลผิวหน้า ความลับจากแพทย์ผิวหนัง

การมีสุขภาพผิวที่ดี โดยเฉพาะผิวหน้า ที่ไม่ว่าใครก็ต้องการ ดูแลผิวหน้า ให้สดใส เปล่งปลั่ง เพื่อให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ

เราจึงได้นำเคล็ดลับ จากแพทย์ผิวหนังระดับมืออาชีพ มาแบ่งปันให้คุณมีผิวหน้า ที่สุขภาพดีไปอย่างยาวนาน

7 ความลับ ดูแลผิวหน้า

1. มะพร้าว

แพทย์ผิวหนังทุกคนรู้ดีว่า ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวนั้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผิว และหากว่าคุณดื่มน้ำมะพร้าว เป็นประจำ คุณจะสังเกตุเห็นว่าผิวของคุณเปล่งปลั่งสดใส มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่คุณดื่ม มาได้ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

และนอกจากนี้ผลิตภัณฑ์มะพร้าว ยังได้ถูกนำไปเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกมากมายหลายชนิด รวมถึงสูตรบำรุงผิวต่างๆ ที่มีมะพร้าวเป็นส่วนประกอบ



2. ชุดเครื่องนอน

ริ้วรอยต่างๆ โดยเฉพาะบนผิวหน้าของคุณ อาจปรากฏขึ้น ระหว่างการนอนหลับ เพราะผิวของคุณ ได้รับอิทธิพลจากผ้าปูที่นอน และปลอกหมอน

แต่การเลือกชุดเครื่องนอน หรือปลอกหมอนที่เป็นผ้าไหม จะเป็นตัวช่วยทำให้ผิวของคุณ ไม่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ระหว่างการนอน

3. ครีมกันแดด

ดูแลผิวหน้า

การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ จะสามารถช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการทำลายผิว และป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า

4. ท่าที่ถูกต้อง

การฝึกโยคะ ด้วยท่าที่ถูกต้อง เป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้ความเครียดลดลง กระบวนการอักเสบต่างๆ ก็จะดีขึ้น

เพราะจะช่วยทำให้ เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และออกซิเจนที่มากขึ้น จะช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และมีสุขภาพที่ดี

5. การทำความสะอาดผิวหน้า

การทำความสะอาดผิวหน้า ควรต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า อย่างโทนเนอร์ควรเลือกที่ปราศจากแอลกอฮอล์

6. ขนาดเล็ก

การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ ที่มีขนาดเล็ก หรือขวดเล็ก จะดีต่อสุขภาพผิวมากยิ่งกว่า เพราะหากขวดใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะใช้หมด อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพลดลง และอาจมีสารออกฤทธิ์ ที่ไม่ดีต่อผิวเกิดขึ้น

7. ใช้น้ำแร่

เพื่อรักษาความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นให้กับผิว ในระหว่างวันที่ผิวเกิดความแห้ง การเลือกใช้สเปรย์น้ำแร่ ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ รวมถึงซีลีเนียม ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวของคุณ จากรังสีอัลตราไวโอเลต ที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอย

การดูแลผิวไม่ใช่เรื่องยาก ! เพียงแค่คุณรู้วิธีดูแล ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ แค่นี้ก็สามารถช่วยดูแลผิวของคุณได้แล้ว

เกิดอะไรขึ้น หลังจาก 10 ชั่วโมง ที่คุณใช้ สีทาเล็บ

การตกแต่งเล็บด้วย สีทาเล็บ อาจมองดูว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และนิยมสูง โดยเฉพาะผู้หญิง

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า เราไม่ควรใช้สีทาเล็บ บ่อยเกินไป มิฉะนั้นอาจทำให้เล็บแห้ง มีสีเหลือง และทำให้สุขภาพของคุณ ได้รับผลกระทบ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง ตามมาในภายหลัง

เราไม่ได้แนะนำให้คุณ เลิกใช้สีทาเล็บ หรือนำสีทาเล็บไปทิ้ง เพียงแต่เราอยากแสดงให้คุณรู้ถึง ผลกระทบที่อาจส่งผลเสีย ต่อร่างกายของคุณได้

ส่วนประกอบ สีทาเล็บ ที่อันตราย !

สารประกอบที่มีอยู่ในสีทาเล็บ ที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ ไม่ได้คำนึง ว่าในสีทาเล็บของคุณ มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เหล่านี้อยู่



– โทลูอีน ( Toluene )

คือ ของเหลวที่ไม่ละลายในน้ำ เป็นตัวทำละลาย ซึ่งช่วยให้เล็บเรียบ และช่วยรักษาสี

ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดหัว ร่างกายอ่อนแอ และทำให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน

สีทาเล็บ

– ฟอร์มาลดีไฮด์ ( Formaldehyde )

คือ ก๊าซไม่มีสี ละลายได้ดีในน้ำ และแอลกอฮอล์ มีประโยชน์ในการผลิตสี และเพิ่มอายุในการเก็บรักษา

หากได้รับสารละเหยนี้บ่อยครั้ง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบตา แสบจมูก ผิวหนังอักเสบ

ซึ่งมีผลกระทบรุนแรงในระยะยาว โดยสามารถกระตุ้นทำให้เกิดความผิดปกติ ของหัวใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชัก และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้

– Dibutyl Phthalate

เป็นสารที่ให้กลิ่นหอม เสมือนเป็นน้ำหอม ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีอันตราย อาจทำให้ต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ โรคทางนรีเวช และเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ

โดยนักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการศึกษากับผู้หญิง 24 ราย ใน 6 ชั่วโมง หลังจากที่พวกเขาใช้สีทาเล็บ พบว่าส่วนใหญ่มีระดับของ Dibutyl Phthalate ที่สูง หลังจาก 10 ชั่วโมงที่เริ่มทำการทดลอง พบว่าในร่างกายของพวกเขา มีสารชนิดนี้ เพิ่มสูงขึ้นในร่างกาย มากถึง 7 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับที่มากกว่าปกติ

ควรเลือกซื้อ สีทาเล็บอย่างไร ไม่ให้รับอันตราย ?

ควรอ่านบนฉลากก่อนซื้อสีทาเล็บทุกครั้ง หากมีคำดังกล่าวปรากฏอยู่ แสดงว่าสีทาเล็บขวดนั้น มีความปลอดภัย

  • ” 5 – Free ” หมายถึง ผลิตภัณฑ์ไม่มีส่วนประกอบของ Toluene, Formaldehyde, Dibutyl Phthalate หรือ Comphor (การบูร)
  • ” 3 – Free ” หมายถึง สีทาเล็บปราศจากสารอันตราย 3 ชนิด คือ Toluene, Formaldehyde, Dibutyl Phthalate

ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อสีทาเล็บทุกครั้ง อันดับแรกที่ต้องสังเกตุ คือส่วนผสม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ! ที่สุดสำหรับสุขภาพของคุณ

8 วิธีทำให้หน้าเด็ก แบบธรรมชาติ ไม่พึ่งศัลยกรรม

พฤติกรรมของคุณ เสี่ยงทำให้คุณดูแก่กว่าวัยหรือไม่ นอกจากพันธุกรรมแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัย ที่มีผลทำให้คุณดูแก่ลงมากกว่า อายุจริงของคุณ ดังนั้น วิธีทำให้หน้าเด็ก ไม่เพียงแต่การบำรุงด้วยครีม หรือศัลยกรรมความงามเท่านั้น แต่การเลือกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ก็มีผลต่อเรื่องนี้สูง

เราจึงนำข้อมูล ที่อาจมีประโยชน์ เพื่อช่วยให้คุณหน้าดูเด็ก ไม่แก่ก่อนวัย โดยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเคยชิน โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมใดๆ มาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคุณ

8 วิธีทำให้หน้าเด็ก แบบธรรมชาติ ไม่พึ่งศัลยกรรม

1. นอนหงาย

การนอนหงาย โดยไม่ให้ผิวหน้าสัมผัสโดนหมอน เป็นการลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย บริเวณแก้มและคาง คงความอ่อนเยาว์ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้นอนหลับสบาย ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น

เพราะสาเหตุหนึ่ง ของการทำให้ใบหน้าของคุณ เกิดริ้วรอยก่อนวัย นั่นเป็นเพราะท่านอนตะแคง ที่คุณมักเคยชิน โดยที่ไม่ได้ทันระวังว่า จะทำให้เกิดผลกระทบ ต่อการเพิ่มริ้วรอยก่อนวัยอย่างรวดเร็ว

2. ทานอาหารที่มีไขมัน

การงดทานอาหารปราศจากไขมัน หรือทานอาหารไขมันต่ำ เป็นประจำสม่ำเสมอ เป็นสาเหตุหลัก ที่สามารถทำให้ ผิวหนังของคุณเหี่ยวย่นได้ง่าย



การเลือกทานอาหารที่มีไขมัน เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย เช่น การใช้กรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยทำให้ผิวนุ่มและเรียบเนียน ลดปัญหาผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัย

อย่างไรก็ตาม การเลือกทานอาหารที่มีไขมัน ควรเป็นไขมันที่มีประโยชน์ เช่น ไขมันจากปลา น้ำมันมะกอก ฯลฯ มากกว่าการทานไขมันอิ่มตัว ที่เป็นสาเหตุหลัก ของการเกิดโรคหัวใจ

3. ป้องกันแสงแดด

วิธีทำให้หน้าเด็ก

การได้รับรังสียูวีมากเกินไป เป็นสาเหตุหลัก ของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย เพื่อป้องกันผิวและร่างกายของคุณ ไม่ให้ได้รับผลกระทบที่รุนแรง จากดวงอาทิตย์ คุณควรหาวิธีป้องกันรังสี UV นี้ให้ได้มากที่สุด

สิ่งที่สำคัญคือ ควรป้องกันด้วย การควรทาครีมกันแดด สวมแว่นกันแดด หรือใส่เสื้อผ้าคลุมกันแดดทุกครั้ง ที่ต้องออกไปเผชิญแดดกลางแจ้ง

4. ทานน้ำตาล

สิ่งที่คุณเข้าใจว่า น้ำตาลเป็นสาเหตุหลัก ของการทำให้แก่ก่อนวัย และไม่ดีต่อร่างกาย แน่นอนว่าสิ่งนี้คุณคิดไม่ผิดอย่างแน่นอน หากว่าคุณบริโภคน้ำตาลมากเกินไป

แต่มีอีกสิ่งหนึ่ง ที่คุณควรรู้ไว้ว่า ร่างกายของคนเรานั้น ก็ต้องการน้ำตาลด้วยเช่นกัน เพราะหากว่าร่างกาย ไม่ได้รับน้ำตาลเลย ก็จะส่งผลทำให้เกิดความเครียดขึ้น ซึ่งความเครียดนี้เป็นสาเหตุหลัก ของการทำให้แก่ก่อนวัย รวมถึงการมีปัญหาสุขภาพทางด้านต่างๆ ตามมาในภายหลัง

แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกทานน้ำตาล จากผักและผลไม้ ในปริมาณที่พอดี ก็จะให้ประโยชน์ที่ดีกว่า การเลือกทานน้ำตาลปริมาณสูง จากขนมหวาน

5. การนอนหลับ

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากจะทำให้คุณดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังทำให้ชีวิตของคุณสั้นลงอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ว่า โดยคุณควรนอนให้เร็วขึ้น หากรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ขาดพลังงานทางด้านร่างกาย และจิตใจ โดยสำหรับผู้ใหญ่แนะนำ ควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงทุกคืน

6. ลดความเครียด

การศึกษาหลายชิ้น แสดงให้เห็นว่าความเครียดเรื้อรัง ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อเซลล์ซึ่งอาจเร่ง กระบวนการชรา

ดังนั้นการหลีกเลี่ยง และหาวิธีผ่อนคลาย ในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อลดปัญหาการเกิดความเครียดสะสม จึงจะดีที่สุด

7. งดใช้ความร้อน

หากคุณใช้ความร้อน ในกิจวัตรประจำวันมากเกินไป อาจทำให้ผิวหนังของคุณแห้ง และเกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดความร้อน เช่น ไดร์เป่าผม ฯลฯ

8. ดูทีวีมากเกินไป

การศึกษาหนึ่งพบว่า ทุกชั่วโมงที่ดูทีวี จะทำให้อายุขัยของคุณลดลง 22 นาที ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากคุณต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ หรือนอนอยู่บนโซฟา ก็ควรลุกขึ้นทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เพื่อเดิน ไม่ควรนั่งหรือนอนติดต่อกันเป็นเวลานาน

แล้วคุณหล่ะ มีพฤติกรรมเหล่านี้บ้างหรือไม่ คิดว่าควรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่มีผลทำให้หน้าดูแก่ก่อนวัย มากน้อยเพียงใด ?

วิธีลดความอ้วน 9 เคล็ดลับอย่างง่าย สำหรับคนขี้เกียจ

วิธีลดความอ้วน เป็นเรื่องยากของใครหลายคน บ่อยครั้งที่พวกเขาตั้งใจ ในการเริ่มต้น แต่ต้องล้มเหลวระหว่างทางทุกครั้ง เพราะด้วยข้ออ้าง หรือปัจจัยใดๆ ก็ตาม เพราะเป็นการใช้ความพยายามอย่างหนัก และต้องตั้งใจอย่างมาก จึงทำให้หลายคนล้มเลิก ไประหว่างทาง หรือยังไม่ทันได้เริ่ม เพราะจะหาข้ออ้าง ผลัดวันไปเรื่อยๆ จนในที่สุด น้ำหนักก็ยังคงเดิม และอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เราจึงได้รวบรวมเคล็ดลับ การลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา หรืออาจจะขี้เกียจ มาให้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้คุณกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน โดยไม่ต้องพยายามอย่างหนัก

9 เคล็ดลับ วิธีลดความอ้วน

วิธีลดความอ้วน
วิธีลดความอ้วน

1. ดื่มน้ำเย็น

เพราะน้ำเย็น จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญ เนื่องจากน้ำที่เย็นกว่า อุณหภูมิของร่างกาย จึงทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น สำหรับการดูดซึมที่ดีขึ้น



2. อาหารชิ้นเล็ก

การตัดอาหารชิ้นใหญ่ ให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในจานใบเล็ก เพื่อลดขนาดของอาหาร ซึ่งจะเป็นวิธีหลอกตา และท้องของคุณได้อย่างง่ายดาย

3. แอปเปิ้ล

การเลือกลดปริมาณแคลอรี่ ด้วยความช่วยเหลือจากแอปเปิ้ล โดยคุณต้องกินแอปเปิ้ล ก่อนมื้ออาหาร 15 นาที จะสามารถช่วยลดแคลอรี่ต่อวัน ได้ 150 – 200 แคลอรี่ เลยทีเดียว

เนื่องจากแอปเปิ้ล ช่วยกระตุ้นการผลิตกรดอาหาร และปริมาณเส้นใยอาหาร ที่มีส่วนช่วยในการเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดี

4. วิตามิน

การเลือกทานวิตามินดี ที่อยู่ในอาหารจำพวกปลา ตับ ไข่ ถั่ว และกระเทียม ให้มากขึ้น จะช่วยเร่งการเผาผลาญได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดระดับอินซูลิน และความอยากอาหาร ได้อีกด้วย

5. ดมกลิ่น

กลิ่นบางชนิด มีผลต่อความอยากอาหาร ซึ่งมีการศึกษาหลายชิ้น ที่พิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้ใช้ได้ผล โดยชี้ให้เห็นว่า คนที่ดมกลิ่นแอปเปิ้ล กล้วย สะระแหน่ และส้มโอ ทำให้พวกเขากินน้อยลง

นอกจากนี้ยังมีกลิ่นของดอกไม้ ที่ส่งผลต่อความอยากอาหาร เช่น กุหลาบ ดอกมะลิ และกลิ่นลาเวนเดอร์ สามารถควบคุมความอยากอาหาร และทำให้มีความรู้สึกสงบ

6. สี

มีสิ่งหนึ่งที่ปรากฎว่า มีอิทธิพลต่อความอยากอาหารของเรา นั่นก็คือสี ซึ่งสีที่ดีที่สุด คือ สีน้ำเงินเข้ม จะช่วยทำให้คุณทานอาหารได้น้อยลง

ส่วนสีอื่นๆ เช่น สีชมพู สีส้ม สีเหลือง และสีขาว จะเป็นสีที่เพิ่ม ความอยากอาหารของคุณได้ง่าย

7. ตัดอาหาร

คนส่วนใหญ่ยึดติด กับอาหารบางประเภท ที่ตนเองชอบทานเท่านั้น แต่หากคุณสามารถตัดอาหารเหล่านั้น ที่เป็นต้นเหตุทำให้ น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นออกไปได้ โดยการเลิกซื้อ หรือหาอาหารเพื่อสุขภาพมาทานทดแทน ก็จะทำให้การลดน้ำหนักของคุณ สำเร็จได้โดยเร็ว

8. เพิ่มเครื่องเทศ

เครื่องเทศบางชนิด มีผลที่ดีต่อระบบเผาผลาญ เช่น อบเชย พริกแดง ขิง และขมิ้น ฯลฯ หากคุณลดปริมาณเกลือ และเติมเครื่องเทศเหล่านี้ ลงไปในอาหารของคุณ จะยิ่งช่วยให้การเผาผลาญของคุณดีขึ้น

9. อูมามิ

อูมามิเป็นรสชาติอ่อนๆ ที่พบในซอสถั่วเหลือง เห็ด วอลนัท และบร็อคโคลี่ ซึ่งมีอิทธิพลบางอย่าง ต่อสมอง ที่ช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

แม้คนขี้เกียจออกกำลังกาย ก็สามารถลดน้ำหนักได้ เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม การทานอาหารแต่ละชนิด ควรทานแต่พอดี เพราะหากทานมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

แล้วคุณหล่ะ ? กำลังใช้วิธีใดในการลดน้ำหนักอยู่ โดยสามารถแนะนำ หรือแบ่งปัน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับเรา และผู้อื่น ไว้ได้ตรงด้านล่าง

นิ้วล็อค คืออะไร อาการ วิธีรักษา ควรป้องกันยังไง

นิ้วล็อค ( Trigger fingers )โรคยอดฮิตของคนในยุคนี้ พบได้มากในบุคคลทั่วไป มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และเริ่มทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้งานของมือหรือนิ้วมือ ในกิจวัตรประจำวันของแต่ละบุคคล ที่ไม่มีความพอดี ทำให้ส่งผลกระทบต่อเอ็นกล้ามเนื้อ บริเวณนิ้วมือ

นิ้วล็อค ( Trigger fingers )โรคยอดฮิตของคนในยุคนี้ พบได้มากในบุคคลทั่วไป มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และเริ่มทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้งานของมือหรือนิ้วมือ ในกิจวัตรประจำวันของแต่ละบุคคล ที่ไม่มีความพอดี ทำให้ส่งผลกระทบต่อเอ็นกล้ามเนื้อ บริเวณนิ้วมือ

นิ้วล็อค หรือ โรคนิ้วล็อค คือ อาการผิดปกติของเอ็นกล้ามเนื้อ ที่เกิดการอักเสบหนาตัวขึ้น ของปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณนิ้วมือ ทำให้ไม่สามารถยืดหดได้ตามปกติ ส่งผลทำให้นิ้วล็อค โดยนิ้วเกิดการงอ ไม่สามารถเหยียดตรงได้ สามารถเกิดขึ้นได้กับนิ้วทุกนิ้ว อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายนิ้ว หรือนิ้วเดียวก็ได้ อาการจะแสดงได้ชัด เมื่อพยายามยืดนิ้วให้ตรง โดยโรคนิ้วล็อค เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายรุนแรง ไม่ใช่โรคติดต่อ เป็นโรคที่สามารถป้องกัน และรักษาให้หายได้

นิ้วล็อค
โรคนิ้วล็อค

อาการของ นิ้วล็อค

– นิ้วเกิดอาการแข็ง รู้สึกตึง

– รู้สึกเหมือนมีบางอย่างนูนขึ้น บริเวณโคนของนิ้วที่เกิดอาการล็อค

– นิ้วงอ ไม่สามารถยืดตรงได้ หากพยายามยืดนิ้ว จะรู้สึกมีเสียงดังกึก หรือสะดุดจนรู้สึกได้

– มีอาการปวดบริเวณโคนข้อนิ้วมือ มีอาการปวดมาก เมื่อขยับนิ้วมือ กำมือ งอนิ้ว หรือเยียดนิ้วมือ

– มีอาการเกร็ง เมื่อเหยียดนิ้วมือให้ตรง

– ในบางรายหากเหยียดนิ้วตรงแล้ว อาจไม่สามารถงอนิ้วได้

– ในบางรายอาจมีอาการบวม หรืออักเสบ

ปัจจัยเสี่ยงอาการนิ้วล็อค

– ผู้ที่ใช้มือทำงานหนัก ต้องแบกรับน้ำหนัก ติดต่อกันเป็นเวลานาน และบ่อยครั้ง เช่น ยกของ ถือของ แบกของ ฯลฯ

– ผู้ที่ใช้มือทำงานออกแรงกด ลงน้ำหนักมาก ซ้ำๆ บ่อยครั้ง เช่น งานช่าง ชาวสวน ชาวไร่ พนักงานโรงงาน พนักงานนวดแผนไทย ช่างทำผม และพนักงานรีดผ้า ฯลฯ



– ผู้ที่ทำงานโดยต้องงอ หรือหดนิ้วเป็นประจำ ในท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น พนักงานคอมพิวเตอร์ พนักงานบัญชี ฯลฯ

– ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคอะไมลอยด์โดซิส ฯลฯ

การป้องกัน หรือวืธีรักษานิ้วล็อค

– แช่มือในน้ำอุ่นประมาณ 5 – 10 นาที เพื่อช่วยบรรเทาอาการ เป็นประจำสม่ำเสมอ

– หยุดพักการใช้มือทำงานหนักบ้าง

– เคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนท่าให้บ่อยขึ้น อย่าให้นิ้วงอหรือหด ในท่าเดิมเป็นเวลานาน

– นวดมือและนิ้วเบาๆ อย่างน้อย 5 – 10 นาที เป็นประจำ

ออกกำลังกาย ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณแขน มือและนิ้ว อย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำ

– พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ โดยมีวิธีที่แตกต่างกันในแต่ละราย ขึ้นอยู่กับอาการ โดยวิธีการใช้ยา หรือการผ่าตัด

แม้ว่านิ้วล็อค จะไม่ได้เป็นโรคติดต่อ หรือมีความรุนแรงมาก แต่หากพบว่าอาการนิ้วล็อค เกิดขึ้นเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน ก็ควรรีบทำการรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจส่งผลกระทบ ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ และหากพบว่าตนเอง อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ของการเกิดอาการนิ้วล็อค ก็ควรหาวิธีป้องกัน จึงจะดีที่สุด

หน้าเด็ก หน้าใส ไร้ริ้วรอย ผิวสุขภาพดี ด้วยถั่วเหลือง

หน้าเด็ก หน้าใส ไร้ริ้วรอย เป็นสิ่งที่ใครๆก็ปราศนา โดยเฉพาะเมื่ออายุ เริ่มย่างเข้าสู่เลข 3 พอมาเยือนเมื่อใด ความกังวลใจเรื่องผิวหน้า และผิวกายก็เริ่มขึ้น เพราะความเหี่ยว และความหมองคล้ำนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่ามอง และทำให้เกิดความไม่มั่นใจ

นอกจากการบำรุงผิวจากภายนอก ด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่ช่วยทำให้ผิวเด็ก ไร้ริ้วรอยได้ แต่นั่นอาจยังไม่ครบ ไม่สมบูรณ์เท่ากับ การมีสุขภาพผิวที่ดี จากภายในสู่ภายนอก

หน้าเด็ก

ถั่วเหลืองช่วย หน้าเด็ก หน้าใส ไร้ริ้วรอย ได้อย่างไร ?

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถั่วเหลืองเป็นแหล่งของสารอาหาร ที่มีคุณค่าสูง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และยังเป็นที่ืชื่นชอบ และนิยมทานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ถือได้ว่าพวกเขา ยกให้ถั่วเหลือง เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด และจะขาดไม่ได้เลย

เนื่องจากในถั่วเหลือง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามิน แคลเซียม โปรตีน ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี โซเดียม และโพแทสเซียม ฯลฯ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพ ช่วยทำให้สุขภาพดี ปราศจากโรค รวมไปถึง ยังช่วยบำรุงสุขภาพของผิวพรรณ ให้ดูดี เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยได้ง่าย

และอย่างรู้ว่า ชาวญี่ปุ่น มักทานถั่วเหลือง ในรูปแบบ เต้าหู้ หรือ นมถั่วเหลือง เป็นประจำในทุกเช้า จึงทำให้พวกเขา มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ผิวพรรณดี และมีสุขภาพกายที่ดี รวมไปถึงการมีสุขภาพจิต ที่ดีด้วย



จากการศึกษาพบว่า ถั่วเหลืองมีฤทธิ์ช่วย ในการดูแลผิว ฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวเต่งตึง ชุ่มชื้น และกระจ่างใส

จึงเป็นการยืนยันได้ว่า การบริโภคถั่วเหลือง ในรูปแบบต่างๆ จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูเด็ก หน้าใส ไร้ริ้วรอย อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นชาวญี่ปุ่น คงไม่ยกให้ถั่วเหลือง เป็นอาหารคุณภาพ สำหรับดูแลสุขภาพผิว และสุขภาพกาย อย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่สำคัญ การเลือกทานผลิตภัณฑ์ จากถั่วเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ฯลฯ ก็ควรเลือกทานผลิตภัณฑ์ ที่ปราศจากน้ำตาล หรือมีส่วนผสมของน้ำตาลธรรมชาติที่ต่ำ จึงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว และสุขภาพกายมากยิ่งกว่า

ผมร่วง 8 สาเหตุ วิธีรักษา ร่วงกี่เส้น ถึงอันตราย

ผมร่วง หรือการสูญเสียเส้นผม อาจไม่ได้เป็นเรื่องปกติ หากพบว่าเส้นผมที่หลุดร่วงมานั้น มีจำนวนมากจนผิดปกติ ซึ่งโดยปกติ คนเรามักจะมีเส้นผมหลุดร่วง อยู่เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นห่วง หากเส้นผมของคุณ ร่วงระหว่าง 50 – 100 เส้นต่อวัน

ผมร่วง หรือการสูญเสียเส้นผม อาจไม่ได้เป็นเรื่องปกติ หากพบว่าเส้นผมที่หลุดร่วงมานั้น มีจำนวนมากจนผิดปกติ ซึ่งโดยปกติ คนเรามักจะมีเส้นผมหลุดร่วง อยู่เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นห่วง หากเส้นผมของคุณ ร่วงระหว่าง 50 – 100 เส้นต่อวัน

แน่นอนว่า อาการผมร่วงส่งผลทำให้ ใครหลายคนเกิดความกังวลใจ รู้สึกไม่สบาย เมื่อรู้ว่าตนเองผมร่วง เนื่องจากอาจส่งผลเสีย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ คอยกังวลตลอดเวลา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เพราะหากผมร่วงเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ผมบาง หรือศีรษะไม่มีผม

สาเหตุผมร่วง
สาเหตุผมร่วง

สาเหตุของอาการ ผมร่วง

1. ภาวะความตึงเครียดสะสม เรื้อรัง จากปัญหาใกล้ตัว เช่น เรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว ฯลฯ

2. การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก ฯลฯ ที่มีส่วนสำคัญ ในการช่วยบำรุงสุขภาพ ของเส้นผมและหนังศีรษะ

3. การเกิดเชื้อรา หรือ มีอาการอักเสบ บริเวณหนังศีรษะ

4. การลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่น้ำหนักลดลง อย่างรวดเร็ว

5. การมัดผม หรือรั้งผม ตึงและแน่นมากเกินไป

6. การรักษาโรคบางชนิด ในทางการแพทย์ ที่อาจมีวิธีการรักษา ที่อาจส่งผลกระทบได้ เช่น การฉายรังสี หรือการใช้ยาบางชนิด ฯลฯ

7. เกิดจากอาการเจ็บป่วย หรือโรคบางชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคเอดส์ โรคผิวหนัง และซิฟิลิส ฯลฯ

8. เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น ผู้หญิงขณะตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ฯลฯ



ผมร่วงแบบไหน อันตราย ?

– ผมร่วงเป็นกระจุก เป็นหย่อมๆ

– ผมร่วงมากกว่า 100 เส้น / วัน ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ

– ผมร่วงร่วมกับมีอาการ แสบ คัน เป็นตุ่มแดงบนหนังศีรษะ

– ผมร่วงร่วมกับ มีอาการผิดปกติบางอย่าง เกิดขึ้นกับร่างกาย

การรักษาผมร่วง

– การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหนังศีรษะ หรือกำจัดเชื้อรา

– การเลือกทานอาหารบำรุงเส้นผม เช่น ถั่ว โยเกิร์ต ผักใบเขียว และหอยนางรม ฯลฯ

– การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

– การลดภาวะความเครียด รู้จักควบคุม และผ่อนคลาย

– การรักษา จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นควรสังเกตุความผิดปกติ หรืออาการอื่นร่วมขณะมีผมร่วง เป็นจำนวนมากจนผิดปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว และที่สำคัญหากต้องการ ให้สุขภาพของหนังศีรษะ และเส้นผมมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง ก็ควรเลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผม อย่างสม่ำเสมอ

เบิร์นไขมัน ด้วยผักผลไม้ 8 อย่าง ช่วยเผาผลาญ ลดไขมัน

การเลือกทานอาหาร ที่ช่วยในการ กระตุ้นการเผาผลาญ และ เบิร์นไขมัน เป็นเรื่องที่ใครหลายคน ควรต้องพิถีพิถัน ในการเลือก เป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกทานแบบผิดๆ นอกจากจะส่งผลเสีย ต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้ไขมันชนิดเลว ไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

การเลือกทานอาหาร ที่ช่วยในการ กระตุ้นการเผาผลาญ และ เบิร์นไขมัน เป็นเรื่องที่ใครหลายคน ควรต้องพิถีพิถัน ในการเลือก เป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกทานแบบผิดๆ นอกจากจะส่งผลเสีย ต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้ไขมันชนิดเลว ไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

เคล็ดลับดีๆ ที่นำมาบอกต่อ เป็นการเลือกทาน ผักและผลไม้ ที่มีส่วนช่วยในการ กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ได้เป็นอย่างดี ที่เหล่าบรรดาสาวๆ หรือ ใครที่ต้องการ มีรูปร่างที่ดี หุ่นสวย ไม่ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้า แบบไหน ก็ทำให้ดูดีได้เสมอ

ผักและผลไม้ช่วย เบิร์นไขมัน

1. บลูเบอร์รี่

เป็นผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้น การเผาผลาญ ป้องกันการสะสมของ ไขมันในร่างกาย ได้เป็นอย่างดี

2. กะหล่ำปลี

เนื่องจากกะหล่ำปลี มีสารอาหาร ที่มีฤทธิ์ช่วยในการ ลดคลอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากนำกะหล่ำปลี มาลวกให้สุก แล้วนำมาทาน แทนมื้ออาหาร

3. ทับทิม

ในทับทิม มีสารอาหาร ที่มีฤทธิ์ช่วยป้องกัน และ ลดการสะสมไขมันในเลือด อีกทั้งยังช่วย กำจัดความหิวอาหารอีกด้วย และทับทิม ยังอุดมไปด้วยสารอาหาร ที่สามารถช่วย ในการเผาผลาญ จึงทำให้สามารถ ช่วยลดการเกิด โรคอ้วน ทำให้น้ำหนัก มีความสมดุล



4. มะพร้าว

มะพร้าว เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยทำให้อิ่มนาน อีกทั้งยังมีส่วนในการ กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

5. กล้วยหอม

หากเลือกทาน กล้วยหอม ที่ไม่สุกมาก จะทำให้อิ่มนาน ลดความอยากกิน ของหวาน ขนม ลงไปได้ และ ยังทำให้กินแล้ว รู้สึกอิ่ม สามารถทานแทนมื้ออาหารได้ อีกทั้งกล้วยยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. มะนาว

มีสรรพคุณ ที่ช่วยในการเผาผลาญ และเบิร์นไขมัน ได้เป็นอย่างดี เพราะมะนาวมีสารอาหาร ที่มีฤทธิ์ ช่วยในการป้องกัน และลดการสะสม ของไขมัน ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ช่วยควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้เพิ่มมากขึ้นได้

7. กระเทียม

หากเลือกทานกระเทียม แบบดิบ วันละ 2 – 3 กลีบ จะช่วยทำให้ เกิดการกระตุ้น ระบบเผาผลาญ ให้ทำงานดีขึ้น อีกทั้งกระเทียม ยังมีฤทธิ์ช่วยให้ น้ำตาลในเลือด ทำงานได้อย่างสมดุล และยังมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่กินกระเทียมเป็นประจำ จะช่วยลดคลอเลสเตอรอล ได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว

8. แอปเปิ้ลเขียว

เป็นผลไม้ มีมีกากใย และไฟเบอร์สูง มีฤทธิ์ช่วยเร่งอัตรา การเผาผลาญไขมัน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นผลไม้ชนิดที่ มีน้ำตาลน้อย มากกว่าแอปเปิ้ลแดง ทานแล้วจะทำให้ รู้สึกอิ่มนาน

อย่างหุ่นสวย สุขภาพดี ก็ต้องมีวินัยด้วยนะคะ หากเลือกทาน ผักและผลไม้ ที่ช่วยในการ กระตุ้นการเผาผลาญแล้ว ก็ควรเลือก ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ ที่สำคัญก็ควรเลือกทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่พอดี กับร่างกายด้วย เพื่อจะได้มีหุ่นสวย ควบคู่ไปกับ สุขภาพที่ดี อย่างยั่งยืน

สิวอักเสบ 5 สาเหตุกระตุ้น ควรป้องกัน วิธีรักษาด้วยตนเอง

สิวอักเสบ คือ การอุดตันของรูขุมขน ที่เกิดจากความมัน แบคทีเรีย บนผิวหน้า คอ และหน้าอก ฯลฯ มีลักษณะเป็นตุ่มแดงนูน เป็นรอยแดงเล็กๆ เหมือนมีเลือดคลั่งอยู่ด้านใน ในบางราย อาจมีหนองอยู่ด้วย หากใช้มือจับ จะรู้สึกเจ็บ และอันตรายที่เป็น ปัญหาน่ากังวลใจ ที่จะตามมา คือ รอยแผลเป็นบนผิว

สิวอักเสบ คือ การอุดตันของรูขุมขน ที่เกิดจากความมัน แบคทีเรีย บนผิวหน้า คอ และหน้าอก ฯลฯ มีลักษณะเป็นตุ่มแดงนูน เป็นรอยแดงเล็กๆ เหมือนมีเลือดคลั่งอยู่ด้านใน ในบางราย อาจมีหนองอยู่ด้วย หากใช้มือจับ จะรู้สึกเจ็บ และอันตรายที่เป็น ปัญหาน่ากังวลใจ ที่จะตามมา คือ รอยแผลเป็นบนผิว

แบคทีเรียสิว ที่จริงนั้น มีประโยชน์ต่อผิว เพราะมันช่วยทำให้ ผิวชุ่มชื้น และทำให้ผิว มีความยืดหยุ่น แต่เป็นเพราะว่า ตัวของมนุษย์เอง ที่เป็นตัวการร้าย ของสิวตัวจริง เพราะหากเมื่อใด ที่มนุษย์มีพฤติกรรม กระตุ้นการเกิดสิว เจ้าตัวแบคทีเรีย จะคอยทำหน้าที่ หลังสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ไวต่อการอักเสบ ต่อผิวออกมา จึงทำให้ผิวเกิดเป็น สิวอักเสบได้ง่ายขึ้น

สาเหตุกระตุ้น สิวอักเสบ

1. ความเครียด

เมื่อใดที่มีภาวะความเครียด สมองจะกระตุ้นฮอร์โมน ให้เกิดการผลิต ไขมันส่วนเกินขึ้น โดยเฉพาะบนผิวหน้า ที่จะเกิดความมันสูง จึงทำให้แบคทีเรียสิว หลังสารเคมีชนิด ที่ทำให้ผิว ไวต่อการอักเสบได้ง่าย

สิวอักเสบ
สิวอักเสบ

2. แอลกอฮอล์

สำหรับผู้ที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม ของแอลกอฮอล์ บำรุง หรือ ทำความสะอาดบนผิวหน้า ซึ่งเป็นการทำลายผิว จะทำให้ผิวแห้ง แล้วเกิดความมันตามมา อีกสาเหตุหลัก ของการเกิดสิวอักเสบนั่นเอง

3. ฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลง ของฮอร์โมนในร่างกาย เป็นตัวการ ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่าย เช่น วัยรุ่น หญิงมีประจำเดือน หรือ หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งสาเหตุนี้ ค่อนข้างควบคุมได้ยาก แต่หากรักษา ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยลดอาการอักเสบ ของสิวลงได้

4. สัมผัสผิวด้วยสิ่งสกปรก

หากใช้มือ หรือผ้า ที่สกปรก สัมผัสผิวหน้าบ่อยครั้ง ไม่ว่าเป็นการเช็ด แกะ เกา หรือ ผิวหน้าสัมผัสโดน เส้นผมที่สกปรก ก็จะทำให้ผิว ไวต่อการอักเสบ จนก่อให้เกิด สิวอักเสบได้ง่าย

5. อาหาร

สำหรับผู้ที่ ชอบรับประทานอาหาร จำพวกที่มีความมันสูง เช่น อาหารทอด เนย ฯลฯ มักเกิดเป็นสิวได้ง่าย โดยอาหารเหล่านี้ มีผลไปกระตุ้นฮอร์โมน ที่เป็นสาเหตุ ของการเกิดสิวอักเสบได้



วิธีป้องกัน การเกิดสิวอักเสบ

– ควรหาวิธีผ่อนคลาย ไม่ให้เกิดความเครียดสะสม

– ควรพักผ่อนให้เพียงพอ

– ควรดื่มน้ำสะอาด ในปริมาณที่พอดี

– ควรออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ

– ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดผิว และบำรุงผิว ที่ปราศจากแอลกอฮอล์

– ควรทำความสะอาด ผิวหน้าและผิวกาย ให้สะอาดอยู่เสมอ

– ควรดูแลความสะอาด ของเส้นผมด้วย

– ควรหลีกเลี่ยง สัมผัสผิวหน้า ด้วยมือ หรือสิ่งอื่น ที่อาจสกปรก

– ควรหาวิธีป้องกัน อาการท้องผูก ควรสร้างพฤติกรรม การขับถ่ายทุกวัน ให้เป็นปกติ

วิธีรักษาสิว ด้วยตนเอง

– ควรเลือกใช้ ครีมแต้มสิว ที่ได้รับการรับรอง อย่างถูกต้องแล้ว นำมาแต้มบริเวณของสิวอักเสบ

– ควรงดทานอาหาร ที่มีความมัน

– ควรออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้น ให้สิวหายเร็วขึ้น

– ควรงดใช้เครื่องสำอางค์ ที่กระตุ้นการเกิดสิว

– ควรล้างหน้า อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

– ควรใช้สมนุไพร ช่วยรักษา โดยการนำมาแต้มบริเวณ ที่เกิดสิวอักเสบ เช่น กระเทียม ว่างหางจระเข้ มะนาว มะเขือเทศ ฯลฯ

– ควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก ในปริมาณที่พอดี

แม้ว่า อาการเกิดสิว หรือสิวอักเสบ จะไม่ได้เป็นโรค หรืออาการ ที่มีความรุนแรง แต่หากพบว่า ตนเองมีอาการเกิด สิวอักเสบเรื้อรัง และไม่สามารถรักษา ด้วยตนเองได้ ควรรีบไปพบแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษา อย่างถูกวิธี เพื่อป้องกัน การลุกลาม และการติดเชื้อได้