กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนระวังป่วยด้วย โรคไข้หวัดใหญ่ หากพบว่าตนเองมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ให้สงสัยว่าอาจเสี่ยงเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกในหลายพื้นที่ ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากอาจมีผลกระทบที่รุนแรงและอาจทำให้เสียชีวิตได้ พร้อมแนะให้ยึดหลัก ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์
วันที่ 17 พฤษภาคม 2562 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ” โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้น ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งช่วงนี้ประเทศไทยมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 13 พฤษภาคม 2562 พบผู้ป่วย 156,108 ราย เสียชีวิต 11 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 7 – 9 ปี รองลงมาคืออายุ 10 – 14 ปี ซึ่งเป็นอายุที่อยู่ในกลุ่มวัยเรียน “
กรมควบคุมโรค จึงรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มเสี่ยงที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น บุคลากรทางการแพทย์
- การให้วัคซีนเพื่อลดการเสียชีวิตใน 7 กลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มเด็ก 6 เดือน – 3 ขวบ, หญิงมีครรภ์, ผู้สูงอายุ, คนอ้วน และผู้ที่มีโรคประจำตัว
สำหรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มอื่น ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้นำมาพิจารณา และอยู่ระหว่างการนำเสนอให้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณา
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่ หลีกเลี่ยสถานที่ ที่คนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง ( น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ) ของผู้ป่วย ผ่านการไอหรือจาม โดยหลังจากได้รับเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แต่สามารถหายเองได้ใน 5 – 7 วัน
กลุ่มเสี่ยงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ที่เป็นโรคอ้วน เป็นต้น หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

สำหรับวิธีการป้องกันขอให้ประชาชนยึดหลัก ” ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด “
- ปิด คือ ปิดปาก และปิดจมูก เมื่อมีอาการไอ หรือจาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย ผ้า หรือทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง
- ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได
- เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- หยุด คือ เมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน แม้จะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และหากมีอาการข้างต้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่สถานพยาบาล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข