ในขณะที่ถั่วพิสตาชิโอเป็นเหมือนอัญมณีสีเขียวเล็กๆ อัลมอนด์เป็นที่ชื่นชอบ และวอลนัทถูกมองว่าเป็นแหล่งมหัศจรรย์ของสารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แล้ว… ถั่วลิสง หล่ะ? ผู้คนส่วนใหญ่มักมองด้วยความคลุมเครือ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า นี่เป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับคุณนะ
ถั่วลิสง จะดีจริงเหรอ? มาหาคำตอบกัน

ถั่วโดยทั่วไปนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการที่คล้ายกัน แม้หลายคนอาจมองว่าอัลมอนด์ดีกว่าถั่วลิสงก็ตาม แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย
ดร. จอห์น เดย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจที่ศูนย์การแพทย์ Intermountain Medical Center Heart (Salt Lake City, Utah) เขียนไว้ในบล็อก ในหัวข้อ “อัลมอนและถั่วลิสงช่วยป้องกันปัญหา ทางการแพทย์เรื้อรัง…”
ถั่วลิสงมีโปรตีน 7 กรัมต่อออนซ์ ซึ่งมากกว่าอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และวอลนัท เป็นที่รู้จักกันดีว่า โปรตีน มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และโปรตีนสูงจากธรรมชาติของถั่วลิสง สามารถช่วยระงับความอยากอาหารได้ด้วย
ถั่วลิสงมีเส้นใยประมาณ 2.4 กรัมต่อออนซ์ ซึ่งน้อยกว่าอัลมอนด์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหากร่างกายของคุณได้รับใยอาหารที่เพียงพอ มันจะสามารถช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือด รวมถึงยังช่วยคุณลดน้ำหนักได้อย่างดีอีกด้วย
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในจดหมายเหตุของอายุรศาสตร์พบว่า การบริโภคเส้นใยอาหารมากขึ้นนั้น เชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของการเสียชีวิต ผู้ที่บริโภคไฟเบอร์มากที่สุดประมาณ 25-30 กรัมต่อวัน มีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่า ผู้ที่กินไฟเบอร์น้อยที่สุด (10-13 กรัมต่อวัน) มากถึง 22%
ถั่วลิสงอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินบี1, วิตามินบี3, โฟเลต, ทองแดง, แมงกานีส, ไบโอติน, ฟอสฟอรัส และวิตามินอี ฯลฯ รวมถึงยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูง…
ไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่พบในถั่วลิสง สามารถช่วยลดความดันโลหิต และป้องกันการเกิดโรคหัวใจ อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น และใช้โปรตีนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไขมันไม่อิ่มตัวสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
การบริโภคถั่วลิสงเป็นประจำ นอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันการสูญเสียความจำ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว และดีต่อสุขภาพสูงแล้ว ที่สำคัญถั่วลิสงยังมีราคาที่ต่ำ สามารถหาทานได้ง่าย
แน่นอนว่าการบริโภคถั่วในปริมาณที่มากเกินพอดีต่อวัน อาจมีผลกระทบต่อร่างกายได้ ดังนั้นการบริโภคประมาณ 1 กำมือต่อวัน นี่อาจให้ประโยชน์ที่มากกว่า